ยีสต์ Life Below

weet Mead yeast is one of two strains for sweet mead making. Leaves 2-3% residual sugar in most meads. Rich, fruity profile complements fruit-mead fermentation. Use additional nutrients for mead making. Ciders, Cysers, Fruit Wines, Ginger Ale, Cherry, Raspberry, Peach. Temperature Range: 60-75 F. Alcohol Tolerance: 11%.

This strain ferments much cleaner than it’s hefeweizen strain counterparts. It produces very slight banana and clove notes and has low flocculation, leaving resulting beers with characteristic cloudiness.

German/Kölsch Ale Yeast Yeast: Ale ATTENUATION :72% - 78% FLOCCULATION Medium ALCOHOL TOLERANCE :Medium to High (8-12%) FERMENTATION TEMPERATURE :65° - 69° F 18° - 21° C

Our house yeast will produce a high quality ale of just about any style you can think of. We use it in all our IPAs, pale ales, blonde ales, stouts, porters, amber beers, barleywines, you name it, as long as it isn't a Belgian beer, it's likely this yeast. Use a lower fermentation temperature to subdue the esters or let them out at higher temps. Think of this as an American yeast with a nice ester profile. Temp: 65-72F, 16-22C // Flocculation: Medium // Attenuation: 76-82%

This yeast is known for its high attenuation, achieving 80% even with 10% ABV beers. The high attenuation eliminates residual sweetness, making the yeast well-suited for high gravity ales and clean, well-attenuated beer styles. This strain has become a go-to house strain for American breweries due to its clean profile and high attenuation. It’s an ideal strain for American and English hoppy beers as well as malty ambers, porters and brown ales. This strain can be a substitute for WLP001 California Ale Yeast®.

ทำจาก WLP051

เป็นอีกสายพันธุ์ที่สามารถใช้ผลิตเบียร์สไตล์ Hefeweizen ที่มีคุณลักษณะเฉพาะ แต่จะมีความพิเศษออกมาด้วยสารเอสเตอร์ในเชื้อตัวนี้ที่ผลิตกลิ่นอายหอมหวนของแอ็ปเปิ้ล ลูกแพร พลัมที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกลมกล่อมนอกเหนือจากกลิ่นหอมของกล้วยโดยปกติ เชื้อจะผลิตสารฟีนอลแนวกานพลูอย่างพอดีๆและมีกลิ่นอายของวนิลลา เชื้อตัวนี้มีคุณสมบัติการเกาะตัวของยีสต่ำ ทำให้ได้เบียร์ที่มีลักษณะขุ่น ข้อแนะนำในการเพิ่มกลิ่น/รสของสารทำได้สามวิธี: 1) โดยการใส่เชื้อที่น้อยกว่าเกณฑ์ปกตินิดหน่อย 2) ใช้หมักด้วยน้ำวอร์ตที่มีค่าน้ำตาลสูง และ 3) หมักที่อุณหภูมิสูงขึ่น ของช่วงอุณหภูมิที่แนะนำ (แต่อย่าเกิน 22°C)

สายพันธุ์นี้เหมาะสมอย่างยิ่งถ้าต้องการคุณลักษณะเบียร์สไตลส์ขุ่น และเหมาะกับการใช้ร่วมกับฮอปส์แนวฟรุ้ตตี้ เป็นสายพันธุ์ที่ผลิดสารเอสเตอร์แนวฟรุ้ตตี้ที่มีความลงตัวอย่างพอดี และซึ่งยังทิ้งความหวานตรงปลายไว้อยู่ หากไม่กรองและไม่ใส่สาร fining agent ก็จะได้เบียร์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัว คือ ขุ่น และ เนื้อเบียร์ที่นุ่มละมุนละไม

"สายพันธุ์นี้มาจากโรงคราฟท์เบียร์ที่โด่งดังจากรัฐออริกอนในประเทศสหรัฐอเมริกา มีความโดดเด่นคือสามารถใช้ผลิดเบียร์ได้หลายชนิด เป็นเชื้อที่ผลิดรสชาติแนวคลีนๆและให้กลิ่นเอสเตอร์ผลไม้บางๆ เชื้อตัวนี้มีคุณสมบัติอัตราการกินน้ำตาล (attenuation) และการตกตะกอนซึ่งเกิดจากการเกาะตัวของเชื้อ (flocculation) ค่อนข้างสูง และสามารถทนสภาวะแอลกอฮอลล์ได้สูงถึง 12% การผสมผสานคุณสมบัติที่ให้ในรสชาติของเชื้อตัวนี้ทำให้ LB209 Oregon Ale นั้นมีความโดดเด่นมากในการใช้ผลิดเบียร์ได้หลายชนิด "

"สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์อเมริกันเอลตามต้นตำรับแบบดั้งเดิมที่สืบกันมายาวนาน ซึ่งสามารถใช้ผลิตเบียร์ได้หลากหลายชนิดเช่น เพล เอล, บลอนด์ เอล และ บราว เอล เชื้อตัวนี้จะผลิตสารเอสเตอร์มากกว่าสายพันธุ์ LB203 Cali Ale และให้กลิ่นอายของแอ๊ปเปิ้ล ถั่ว และมีความเปรี้ยวเล็กน้อย หากหมักโดยอุณหภูมิสูงของช่วงอุณหภูมิที่แนะนำ เชื้อตัวนี้จะผลิต กลิ่นเอสเตอร์แนวผลไม้อ่อนๆ หากอยากได้รสชาติแนวคลีน ก็ให้คุมอุณภูมิหมักไปทางเย็น ข้อสังเกตุ สายพันธุ์นี้มีคุณสมบัติการตกตะกอนซึ่งเกิดจากการเกาะตัวของเชื้อ (flocculation) มากกว่าสายพันธุ์ LB203 Cali Ale. "

"สายพันธุ์นี้มากความสามารถโดยเฉพาะถ้าเอามาหมักกับน้าวอร์ตสีเข้ม เช่นพวกเบียร์ชนิดพอร์เตอร์ และ สเตาต์ เชื้อนี้มีประวัติที่น่าสนใจ เนื่องจากสืบทอดมาไกลจากหนึ่งในโรงเบียร์ดำที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หากอยากได้รสชาติที่สะอาดสะอ้านก็ให้คุมอุณภูมิหมักไปทางเย็น (18-19°C) แต่หากอยากได้กลิ่นอายผลไม้มาในรสชาติก็ทำได้โดยการเลือกอุณภูมิหมักที่อุ่นขึ้น (แต่อย่าเกิน 21°C)"

"สายพันธุ์ดั้งเดิมจากประเทศเชครีพลับบิค ใช้สำหรับหมักเบียร์สไตลส์พิลส์เนอร์ สายพันธุ์ OG Pilsner จะผลิตเบียร์ที่มีลักษณะดราย รสชาติสะอาดสะอ้าน มีความเป็นมอลตี้เบาๆ เหมาะสมอย่างมากกับผลิตภัณฑ์ประเภทลาเกอร์ อาทิ เชคพิลส์เนอร์ส มิวนิคเฮลเลส และ อเมริกันลาเกอร์ ปกติในช่วงการหมักจะ มีกลิ่นซัลเฟอร์ แต่กลิ่นจะหายเมื่อกระบวนการหมักเสร็จสิน "

Blend Yeast ระหว่าง Cosmic Punch กับ WLP066 ทำให้เบียร์มีสีที่สวยแบบ 066 และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Cosmic

"สายพันธุ์นี้มาจากโรงเบียร์ชื่อดังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศสหัรัฐอเมริกา ที่มีชื่อเสียงในการผลิต นิวอิงแลนด์สไตล์ไอพีเอ (New England-Style IPA) สายพันธุ์นี้ผลิตสารเอสเตอร์ไปทางรสผลไม้สุก และมีค่า attenuation น้อยกว่า LB203 Cali Ale สำหรับคนที่อยากทำเบียร์ที่เน้น hops แนวผลไม้สุก และเบียร์ที่รสดึงๆดิ่งๆ เชื้อตัวนี้เหมาะสมมาก สามารถใช้อุณภูมิหมักทั้งสูงและต่ำในช่วงของอุณภูมิที่แนะนำ เชื้อตัวนี้ผลิตสาร diacetyl ในช่วงหมักและจะจางหายไปหลังจากการเพิ่มอุณภูมิ จึงแนะนำให้เพิ่มอุณภูมิในช่วงสุดท้ายของการหมัก (diacetyl rest)"

"เป็นสายพันธุ์คลาสสิคของเบียร์ชนิดเยอรมันวีทเบียร์ ที่มีความจำเพาะสำหรับการผลิต Hefeweizen ที่มีคุณลักษณะเฉพาะ สายพันธุ์นี้จะได้เบียร์ที่ให้ความรู้สึกกลมกล่อมของเอสเตอร์กล้วย ฟีนอลิคกานพลู และจะมีการเกาะตัวของยีสต์ต่า ทำให้ได้เบียร์ที่มีลักษณะขุ่น ข้อแนะนำในการเพิ่มกลิ่น/รสกล้วยทำได้สามวิธี: 1) โดยการใส่เชื้อที่น้อยกว่าเกณฑ์ปกตินิดหน่อย 2) ใช้หมักด้วยน้าวอร์ตที่มีค่าน้าตาลสูง และ 3) หมักที่อุณหภูมิสูงขึ่น ของช่วงอุณหภูมิที่แนะนำ (แต่อย่าเกิน 24°C)"

"สายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับเบียร์ที่ต้องการรสชาติชัดเจนในความฉ่าและออกแนวกลิ่นผลไม้สุก เบียร์ที่ผลิตจะได้รสนุ่มนวลและอมหวานช่วงปลาย เป็นเชื้อเอลที่มาจากประเทศอังกฤษและได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการผลิตคร๊าฟเบียร์ชนิดนิวอิงแลนด์ไอพีเอ เชื้อตัวนี่จะผลิตสารเอสเตอร์ซึ่งเหมาะนำมาใช้ร่วมกับ ฮอปส์ที่มีกลิ่นและรสชาติไปทางด้านผลไม้สุก"

"สายพันธุ์นี้คือสายพันธุ์ในอุดมการณ์ที่เจาะจงสำหรับการผลิต เบลเจียนวิทเบียร์ดั้งเดิม หรือ ไวท์เอล ได้ตามแบบฉบับต้นตำรับ นำเด่นชัดมาด้วยสารฟีนอลด้วยกลิ่นอายรสเครื่องเทศที่ผสมผสานอย่างดีและลงตัวลงตัวกับการเติมสมุนไพรและผลไม้ในเบียร์ รสชาตินั้นหากเทียบกับเอลทั่วไปจะต่างในส่วนของค่า pH ที่จะลดลงมากกว่า และสร้างรสที่ออก ไปทาง ดราย และ อมเปรี้ยวชุ่มคอ"

"สายพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักในนาม “ชิโก” เป็นเชื้ออเมริกันเอลที่คนชื้นชอบและนิยมใช้อย่างมากหลาย มีความโดดเด่นคือสามารถใช้ผลิดเบียร์ได้หลายชนิด และเป็นเชื้อที่ผลิดรสชาติแนวคลีนๆ ถึงแม้จะใช้ส่วนมากในการผลิตเบียร์แนว ฮอปปี้ อาทิ อเมริกันเพลเอล และ ไอพีเอ สายพันธุ์นี้ก็เหมาะใช้ผลิตเบียร์ที่ต้องการเน้นความโดดเด่นของฮอปและ/หรือมอลท์ อย่างเช่นเบียร์ชนิดสเตาต์ พอร์ทเตอร์ ไอพีเอ และ โคลส์ช อีกหลากหลายชนิดได้ดีไม่แพ้กันกับการใช้กับเบียร์แนวฮอปปี้ หากต้องการหมักเบียร์ให้ได้รสชาติแนวคลีน ให้ทำการหมักแบบเย็น (17-19°C) หรือ หากต้องการเบียร์ที่มีกลิ่นเอสเตอร์ส้มอ่อนๆ สามารถทำได้โดยการหมักโดยอุณหภูมิสูงของช่วงอุณหภูมิที่แนะนำ สายพันธุ์นี้มีค่าการตกตะกอนระดับกลางๆ (medium flocculation capabilities) จึงอาจจะต้องมีการกรองเพื่อให้ได้เบียร์ที่ใส